วิตามิน ทานแล้วได้ผลขนาดไหน ต้องทานยังไงให้ได้ผลดีที่สุด
อยากหุ่นฟิต หุ่นดี ต้องเสริมด้วยวิตามินตัวไหนบ้าง
เวลาถามคุณหมอว่า ทานวิตามินตัวไหนดี วิตามินช่วยได้มั้ย คำตอบที่ได้ คือ ถ้ามีเงินเหลือใช้ก็ทานไป เพราะการทานวิตามิน ถ้าทานไม่ถูกวิธี นอกจากจะเสียเงินทิ้ง แล้วเรายังใชังานตับของเราแบบฟุ่มเฟือยเกินไปด้วย
การทานวิตามินเป็นเรื่องสลับซับซ้อน เพราะจะได้ประโยชน์ที่แท้จริง ร่างกายจะต้องสามารถดูดซึมวิตามินตัวนั้น ๆ ได้ เราต้องเข้าใจวิตามินนั้นๆ ต้องใช้อะไรดูดซึม เป็นวิตามินละลายในน้ำ หรือ ละลายในไขมัน เวลาที่ทานวิตามินก็สำคัญมาก และอาหารบางอย่างที่ไม่ควรทาน เพราะมันจะไปบล๊อคการดูดซึมของไขมัน วิตามินบางชนิดทานมากเกินไป อาจจะมีอันตรายต่อร่างกายได้ ต้องศึกษาให้แน่ใจก่อนรับประทาน
ทางเลือกที่จะช่วยให้สุขภาพดี ที่เห็นผลชัดเจนมากกว่าการทานวิตามิน คือ การเลือกทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ โปรตีน ไขมัน ผัก ผลไม้ ที่ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ประกอบกับการออกกำลังกาย เพราะร่างกายดูดซึมสารอาหารเข้าไปใช้ได้ทันที แต่หากต้องการทานวิตามิน ควรจะศึกษาข้อมูลรายละเอียดของวิตามินแต่ละประเภทให้ดี และรับประทานอย่างถูกวิธี ก็อาจจะช่วยให้ร่างกายได้ประโยชน์จากวิตามินนั้น ๆ ได้
วิตามิน 9 อย่างที่ควรได้รับเพียงพอทุกวัน
1. วิตามิน A - เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หรือที่เรียกว่า Retinol ช่วยผิวพรรณ และสายตา สำคัญกับ หัวใจ ปอด และไต
วิตามิน A ในอาหาร คือ พวกผัก ผลไม้ ที่มีสีเหลือง แดง ส้ม เช่น แครอท
2. วิตามิน B – ละลายในน้ำ เราเรียก B Complex หรือ B12 มีใครรุ้มั้ยคะ ว่ามีวิตามิน B กี่ตัว ใน วิตามิน B12 หรือ B Complex ใครตอบถูก ได้รางวัล อันนี้ไปเลย (อันนี้จะนอกเรื่องนิดนึงนะคะ - เล่าเรื่อง Millionaire Hot Seat ของ ออสเตรเลีย ให้ฟัง)
วิตามิน B - สำคัญต่อ สมอง และความจำ ช่วยให้มีพลัง มีแรง ถ้าเหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ให้หาวิตามิน B ทาน
วิตามิน B มีอยู่ในอาหาร พวกผักสีเขียว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และ พวกธัญพืช พวก Cereal อาหารเช้า เขาจะชอบใส่วิตามิน B เพิ่มให้
3. วิตามิน C - ละลายในน้ำ ทุกคนรู้จักวิตามิน C ดีนะคะ มาจากผัก ผลไม้ วิตามิน C ช่วยป้องกันหวัด ช่วยดูแลผิวพรรณ ถ้าทานพวก คอลลาเจน ต้องมีวิตามิน C ด้วย ร่างกายจะดูดซึมได้
ความสำคัญของ วิตามิน C ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ คือ วิตามิน C ช่วยการดูดซึมของธาตุเหล็ก แปลว่า ก่อนทานพวกเนื้อสัตว์ เราควรจะดื่มน้ำส้ม 1 แก้วเข้าไปก่อน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้
4. วิตามิน D เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างให้กระดูก และฟันแข็งแรง มันเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ป่วยง่าย
วิตามิน D ได้มาจากแสงแดด ร่างกายผลิตได้เอง แต่ส่วนใหญ่เราจะกลัวแดด กลัวผิวเสีย ทาครีมกันแดด ก็จะไม่ได้รับวิตามิน D เพียงพอ
ทางแก้ก็คือ ทานอาหารที่มีวิตามิน D เช่น นม ไข่แดง ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน Cod liver oil
5. วิตามิน E เป็นตัวช่วยป้องกันเซลล์จากสารพิษ ช่วยขยายหลอดเลือด และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อม
วิตามิน E อยู่ในอาหาร พวกน้ำมันพืช ผักโชม อะโวคาโด ถั่ว ธัญพืชต่าง ๆ
6. วิตามิน K เป็นวิตามินที่ร่วมกับ วิตามิน D ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยให้แผลหายเร็ว ป้องกันโรคหัวใจ อาหารที่มีวิตามิน K คือ พวกผักสีเขียว
7. คือ แร่ธาตุ แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นวิตามิน แคลเซียม นี่สลับซับซ้อน ไม่ใช่ทานได้เลย กินผิดชนิด กินผิดเวลา กินผิดวิธี ร่างกายดูดซึมไม่ได้ ก็คือไม่ได้ผล เสียเงินทิ้ง กินเยอะไป ก็ไม่ดี แคลเซียมไปสะสมตามข้อต่าง ๆ กินยังไงให้พอเหมาะ ให้ลดการสูญเสียมวลกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
ก่อนจะกิน เราต้องไปตรวจก่อน ว่าร่างกายเราขาดแคลเซียมหรือไม่ ด้วยการตรวจด้วยผลเลือด ก็จะรู้เลยค่ะว่าร่างกายขาดแร่ธาตุอะไรบ้าง
แคลเซียม ไม่ใช่วิตามิน แต่เป็นแร่ธาตุ
เพราะฉะนั้นต้องระวัง อย่ากินแคลเซียมมากเกินไป
- อายุ 19-50 ควรได้รับแคลเซียม 1000 มิลลิแกรม
- อายุ 51-70 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1200 มิลลิแกรม
คนส่วนใหญ่สามารถได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอแล้วจากอาหาร อาหารที่มีแคลเซียมเยอะ ๆ ก็ เช่น นม ชีส โยเกิร์ต เต้าหู้ ผักโชม
8 ธาตุเหล็ก
ธาตุเหล็ก สำคัญมากเลย เพราะเป็นยายพาหนะ ที่ขนส่ง ออกซิเจนในเลือด ช่วยการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มสมาธิได้ คนที่เหนื่อย ๆ อ่อนแอ เพลีย ทำให้ป่วยบ่อย อาจจะขาดธาตุเหล็ก อาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะ ๆ ก็พวก เนื้อแดง ตับ ผักใบเขียว พืชตระกุลถั่ว
9 คือ Zinc แปลเป็นไทย คือ สังกะสี
ร่างกายเราต้องการ Zinc จำนวนน้อย ผู้ชายคือ 11 มก ผู้หญิงคือ 8 มก Zinc ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันการติดเชื้อ แหล่งอาหารของ Zinc คือ เนื้อแดง สัตว์ปีก พวกพืชตระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช
วิตามิน 9 ชนิดที่ร่างกายควรได้รับอย่างเพียงพอทุกวัน
1. วิตามิน A เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หรือที่เรียกว่า Retinol ช่วยในเรื่องของผิวพรรณและสายตา มีความสำคัญกับหัวใจ ปอด และไต
วิตามิน A ในแหล่งอาหาร ได้แก่ ผักและผลไม้ที่มีสีเหลือง, สีแดง และสีส้ม เช่น แครอท, ฟักทอง, แคนตาลูป เป็นต้น
2. วิตามิน B เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำ สำคัญต่อสมองและความจำ ช่วยให้มีพลัง มีแรง ถ้ารู้สึกเหนื่อยหรือเพลียเป็นประจำ ควรเสริมวิตามิน B
วิตามิน B มีอยู่ในแหล่งอาหารทั่วไป เช่น ผักสีเขียว โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และพวกธัญพืช อาหารเช้าประเภท Cereal ก็มักจะเพิ่มวิตามิน B เพิ่มในส่วนประกอบให้ด้วยเช่นกัน
3. วิตามิน C อีกหนึ่งวิตามินชนิดละลายในน้ำ ทุกคนรู้จักวิตามิน C กันได้ พบได้มากในผักและผลไม้ วิตามิน C ช่วยป้องกันหวัด ช่วยดูแลผิวพรรณ หากทานอาหารเสริมคอลลาเจน ควรเสริมด้วยวิตามิน C ร่างกายจะดูดซึมคอลลาเจนได้ดี อีกหนึ่งความสำคัญของวิตามิน C ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้คือ วิตามิน C ช่วยการดูดซึมของธาตุเหล็ก นั่นแปลว่า ก่อนจะทานพวกเนื้อสัตว์ เราควรจะดื่มน้ำส้ม 1 แก้วเข้าไปก่อน เพื่อให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้
4. วิตามิน D เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างให้กระดูก และฟันแข็งแรง เป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ป่วยง่าย
วิตามิน D จากแหล่งธรรมชาติได้มาจากแสงแดด ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เอง แต่ส่วนใหญ่เราจะกลัวแดด กลัวผิวเสีย ทาครีมกันแดด จึงไม่ได้รับวิตามิน D เพียงพอ ควรเสริมอาหารที่มีวิตามิน D เช่น นม, ไข่แดง, ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน Cod liver oil
5. วิตามิน E เป็นตัวช่วยป้องกันเซลล์จากสารพิษ ช่วยขยายหลอดเลือด และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความจำเสื่อม วิตามิน E อยู่ในแหล่งอาหารประเภทน้ำมันพืช, ผักโชม, อะโวคาโด, ถั่ว และธัญพืชต่าง ๆ
6. วิตามิน K เป็นวิตามินที่ร่วมกับวิตามิน D แล้วจะช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยให้แผลหายเร็ว ป้องกันโรคหัวใจ อาหารที่มีวิตามิน K คือ พวกผักสีเขียว
7. แคลเซียม ส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นวิตามิน แร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายจะขาดไปไม่ได้เลยคือ 'แคลเซียม' ก่อนตัดสินใจกินแคลเซียมควรตรวจร่างกายเสียก่อนว่าร่างกายของเราขาดแคลเซียมหรือไม่ เพราะแคลเซียมไม่ใช่วิตามิน แต่จัดอยู่ในหมวดหมู่แร่ธาตุ ฉะนั้นต้องใช้ความระมัดระวังในการรับประทาน อย่าให้ร่างกายสะสมแคลเซียมมากจนเกินไป
คนทั่วไปอายุ 19-50 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละไม่เกิน 1,000 มิลลิแกรม
คนทั่วไปอายุ 51-70 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละไม่เกิน 1,200 มิลลิแกรม
ซึ่งคนส่วนใหญ่สามารถได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอแล้วจากแหล่งอาหารในชีวิตประจำวัน เช่น นม, ชีส, โยเกิร์ต, เต้าหู้ หรือผักโขม เป็นต้น
8. ธาตุเหล็ก แร่ธาตุสำคัญสำหรับร่างกาย ทำหน้าที่เสมือนเป็นยานพาหนะที่ขนส่งออกซิเจนในเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยในการทำงานของสมอง ช่วยเพิ่มสมาธิได้ สำหรับคนที่มักมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลียง่าย ป่วยบ่อย อาจเลือกเสริมธาตุเหล็กให้ตัวเองเยอะๆ ธาตุเหล็กในแหล่งอาหาร ได้แก่ เนื้อแดง, ตับ, ผักใบเขียว และพืชตระกูลถั่วต่างๆ
9. ธาตุสังกะสี เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการเพียงจำน้อยนิดเท่านั้น สำหรับผู้ชายร่างกายจะต้องการเพียง 11 มิลลิกรัมต่อวัน และสำหรับผู้หญิงจะต้องการประมาณ 8 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น ธาตุสังกะสีช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันการติดเชื้อ พบได้ในแหล่งอาหารประเภทเนื้อสัตว์แดง, เนื้อสัตว์ปีก, พืชตระกูลถั่ว, ถั่วปากแข็ง และธัญพืชต่างๆ
6 วิตามินยอดฮิต กินตอนไหน กินอย่างไรให้ได้ผล
วิตามินแต่ละชนิด มีความเข้มข้นในการละลายและการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการกินวิตามินที่ดีที่สุด เราควรรู้ว่าควรกินจะวิตามินชนิดใด ในตอนไหน และกินคู่กับอะไรร่างกายจึงจะดูดซึมได้ดีที่สุด มาดู 6 วิตามินยอดฮิต ทานแล้วได้ผลขนาดไหน ต้องทานยังไงให้ได้ผลดีที่สุด
1. วิตามิน ซี (Vitamin C) มีความสำคัญในการป้องกันกล้ามเนื้อและกระดูกจากอาการบาดเจ็บ ต้านอนุมูลอิสระ สร้างคอลลาเจน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมภูมิคุ้มกัน
- ควรกินวิตามินซีหลังอาหารเช้า อาหารจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้ดี หากกินตอนท้องว่างสภาพกรดจากวิตามินซีอาจระคายเคืองกระเพาะอาหารได้
2. วิตามิน บี (Vitamin B) สารอาหารที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ในการเผาผลาญอาหาร เพื่อนำสารอาหารไปสร้างประโยชน์ให้กับระบบต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะระบบประสาท มีส่วนช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
- วิตามินบี เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำ ควรกินตอนเช้าในขณะที่ท้องว่างจะดีที่สุด หลีกเลี่ยงการกินวิตามินบีในตอนเย็น เพราะมีส่วนกระตุ้นระบบประสาท อาจทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ
3. วิตามิน อี (Vitamin E) ช่วยบำรุงสมอง บำรุงดวงตา ให้ความชุ่มชื้นกับผิวพรรณ ปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ และป้องกันการแตกของเม็ดเลือด
- วิตามินอีมีคุณสมบัติละลายในไขมัน ควรกินร่วมกับอาหารที่ประกอบด้วยไขมันเล็กน้อย เช่น อะโวคาโด, นม, ถั่วอัลมอนด์ จะทำให้วิตามินอีดูดซึมในร่างกายได้ดีขึ้น
4. วิตามิน ดี (Vitamin D) สารอาหารที่สามารถนำออกซิเจนจากเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายในขณะออกกำลังกายได้ดีที่สุด และยังทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมความสมดุลของแร่ธาตุต่างๆ ในร่างกาย
- วิตามินดีละลายได้ดีในไขมัน ควรกินวิตามินดีในระหว่างมื้ออาหาร หรือหลังอาหารเช้า หรือรับวิตามินดีด้วยวิธีธรรมชาติ พาตัวเองออกไปรับแสงแดดตอนเช้าๆ รังสี UVB จะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายของเราสร้างวิตามินดี 3 ขึ้นมาเองได้
5. แคลเซียม (Calcium) มีความสำคัญยิ่งกว่าการเสริมสร้างมวลกระดูกที่แข็งแรง เพราะเป็นสารอาหารสำคัญในการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี
- ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมได้ดีที่สุดหากกินร่วมกับวิตามินดี และไม่ควรกินแคลเซียมร่วมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชาหรือกาแฟ เพราะคาเฟอีนจะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม
6. ธาตุสังกะสี (Zinc) ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างกระบวนการเจริญเติบโต เป็นสารอาหารสำคัญในการสร้างโปรตีน และคอลลาเจนให้กับร่างกาย
- ร่างกายจะสามารถดูดซึมสังกะสีได้ดีที่สุดในช่วงเวลาท้องว่าง ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานสังกะสีพร้อมกับธาตุเหล็กและแคลเซียม เพราะสังกะสีมีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมของวิตามินทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว
อยากหุ่นฟิต หุ่นดี ต้องเสริมด้วยวิตามินตัวไหนบ้าง
คนที่อยากหันมาออกกำลังกาย เพื่อผลลัพธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงของหุ่น อยากมีหุ่นกระชับ กล้ามเนื้อฟิตและเฟิร์มขึ้น นอกจากการได้รับสารอาหารหลักอย่างโปรตีนที่มีส่วนช่วยอย่างมากในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยเสริมกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกายได้อย่างเต็มที่แล้ว วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับสายออกกำลังกาย ได้แก่ ธาตุสังกะสี (Zinc), วิตามิน D, วิตามิน C, วิตามิน E และ วิตามิน B เป็นต้น
เคล็ดลับหุ่นฟิต หุ่นดี ไปพร้อมๆ กับการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย คือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมด้วยวิตามินบำรุงร่างกายอย่างเหมาะสมกับสุขภาพของเรา และเลือกวิธีออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด จะทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่อง ได้ขยับร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน และควรเป็นการเล่นกีฬาที่ไม่หักโหมจนเกินไป เพื่อป้องกันการได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
เคล็ดลับการออกกำลังกาย สำหรับคนอยากหุ่นฟิต เฟิร์ม เบิร์นไขมันไว!
ใครที่กำลังวางแผนอยากเริ่มออกกําลังกายแบบไหนดี ขอแนะนำแทรมโพลีน (Trampoline) เครื่องออกกำลังกายในบ้านที่ขอเวลาคุณเพียง 10 นาทีต่อวันเท่านั้น แค่ไม่กี่นาทีคุณจะได้รับประโยชน์ด้านสุขภาพไปเต็มๆ จากการกระโดดบนแทรมโพลีน ร่างกายได้ขยับทุกสัดส่วนไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว ช่วยลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดไขมัน กระชับหุ่นให้ฟิตและเฟิร์ม เบิร์นแคลอรี่ได้ไว แทรมโพลีนมาพร้อมกับความสนุกสนานในการเล่นอย่างไม่มีเบื่อ
แทรมโพลีน เป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่ายและเห็นผลเร็ว โดยใช้เวลาน้อยมากเมื่อเทียบกับการออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆ และยังมีความปลอดภัย ช่วยถนอมข้อเข่า ห่างไกลจากอาการบาดเจ็บต่างๆ จากการออกกำลังกาย ต้องยกให้แทรมโพลีนเลย
เครื่องออกกำลังกายที่บ้านแทรมโพลีนสามารถพับเก็บได้ เล่นในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เกะกะ และยังสามารถติดตั้งบนสนามหญ้าได้ กระตุ้นให้คุณอยากออกมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการออกกำลังกายทุกเช้า รับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายของเรานำแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะครอบครัวไหนที่มีเด็กในวัยกำลังโต แทรมโพลีนจะมีส่วนช่วยเพิ่มความสูง ช่วยในเรื่องของพัฒนาการทางด้านร่างกายและอารมณ์ ส่งเสริมภูมิคุ้มกันจากภายใน ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ให้คุณได้ใช้เวลากับคนที่คุณรักได้อย่างเนิ่นนานยิ่งขึ้น เพิ่มอายุด้วยสุขภาพที่ดี จากอุปกรณ์เครื่องออกกําลังกายที่บ้านง่ายๆ อย่างแทรมโพลีน (Trampoline)
หากคุณสนใจซื้อแทรมโพลีน (Trampoline) ควรเลือกแทรมโพลีนที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น ลงทุนครั้งเดียวใช้ได้นาน เล่นได้หลายคนทั้งบ้าน แทรมโพลีนคุณภาพดีต้อง Smartplay Only เท่านั้น! เราคือศูนย์รวมแทรมโพลีนใหญ่ที่สุดในไทย มีแทรมโพลีนหลากหลายรุ่นให้เลือกมากกว่า 30 แบบ อย่าวางใจ! ไม่ใช่แทรมโพลีนอันไหนก็เหมือนกัน เครื่องออกกําลังกายในบ้านแทรมโพลีนดูผิวเผินอาจคล้ายๆ กันแต่คุณภาพต่างกันมาก โดยเฉพาะอุปกรณ์เซฟตี้ อะไหล่เหล็ก ความมั่นคงแข็งแรงขณะใช้งาน โปรดตรวจสอบคุณภาพของแทรมโพลีนด้วยตัวคุณเองก่อนสั่งซื้อ
Smartplay Only อาณาจักรแทรมโพลีนคุณภาพ พบกับโชว์รูมแทรมโพลีนที่ใหญ่ที่สุดในไทย เปิดประสบการณ์ทดลองเล่นแทรมโพลีนก่อนซื้อจริงได้ที่โชว์รูม Smartplay Only แบริ่งซอย 37 แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมใครๆ ถึงเลือกแทรมโพลีนของ Smartplay Only
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อแทรมโพลีน (Trampoline) ออกกำลังกายปอดให้แข็งแรง
จาก Smartplay Only
Tel: 092-742-7447 | Email: info4rjw@gmail.com
Line Official: @SmartPlayOnly | Facebook: JumpSmartPlayOnly