ถ้าคุณรู้ว่า แทรมโพลีนช่วยต้านมะเร็งได้ (รับรองโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ)  คุณจะต้านมะเร็งด้วยตัวเองแต่เนิ่นๆ มั้ย

ถ้าถามคนที่เป็นมะเร็งแล้ว ว่าถ้ารู้ว่าแทรมโพลีนช่วยป้องกันมะเร็งได้ จะซื้อมั้ย เขาจะตอบว่า “ถ้ารู้ทัน จะซื้อใช้แน่นอน และจะซื้อแจกทุกคนที่เขารักเลย”

แต่ถ้าถามคำถามเดียวกันกับคนที่ยังไม่เป็นมะเร็ง ก็บอกว่า”กลัวมะเร็ง”อย่างเดียว แต่ยังไม่คิดจะเล่นแทรมโพลีน อาจจะยังไม่เชื่อว่าแทรมโพลีนช่วยต้านมะเร็งได้ และยังมองไม่ออก ไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงความเจ็บป่วย การใช้ชีวิตที่จะต้องเปลี่ยนไป ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มากมายที่ตามมา วันนี้เราขอนำแจกแจง ว่าทำไมการขยับขึ้น ๆ ลงๆ บนแทรมโพลีน มันช่วยป้องกันโรคร้ายได้นาๆ ชนิด

มะเร็งคือโรคร้ายที่ไม่ว่าใครต่างก็หวาดกลัว 'โรคมะเร็ง' โรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก และยังเป็นปัญหาหลักของสาธารณสุขในนานาประเทศ เราทุกคนจึงรู้ดีว่า มะเร็งไม่ใช่เรื่องที่อยู่ไกลตัวเลย สถิติจากกรมการแพทย์ไทยพบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงถึงปีละ 140,000 ราย ซึ่งจำนวนนี้คือผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่งค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง และมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงถึง 83,000 คนต่อปี
แม้ความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางส่วน จะอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่เราสามารถลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ ด้วยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงของการก่อเกิดมะเร็ง อันมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ไม่ดี, การขาดการออกกำลังกาย และ การมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เหมาะสม

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

1. การรับประทานอาหารที่ไม่ดี
เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารที่ปรุงสุกจนเกรียม รวมถึงอาหารทอด เป็นตัวการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีสารก่อมะเร็ง หรือมีสารประกอบที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้จะไม่มีสารประกอบที่ก่อให้เกิดมะเร็งโดยตรง แต่ในกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของร่างกาย สามารถทำให้เกิดสารก่อมะเร็งขึ้นได้

เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง ควรพยายามจำกัดการบริโภคอาหารเหล่านี้ และเน้นการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น เลือกกินพืชเป็นหลัก, เน้นกินอาหารที่เป็นแหล่งไฟเบอร์, กินเนื้อแดงให้น้อยลง, จำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ และไม่ควรพึ่งอาหารเสริมมากเกินความจำเป็น เพราะยาจากอาหารเสริมไม่ได้มีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งแต่อย่างใด

2. ขาดการออกกำลังกาย
คุณเป็นอีกคนใช่หรือไม่ ที่ละเลยการออกกำลังกายมานาน เพราะคิดว่าไม่สำคัญและไม่มีเวลามากพอ รู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายเป็นวิธีควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนต่างๆ ให้อยู่ในระดับปกติ และยังช่วยกำจัดสารพิษที่ก่อให้เกิดมะเร็งออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็วเหนือยิ่งกว่าวิธีอื่นๆ
องค์การ CDC หรือศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ แนะนำให้ออกกำลังกาย 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายให้เกิดความสมดุล จากการศึกษาเปรียบเทียบผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ กับผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย พบว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากถึง 40-50% เลยทีเดียว

3. การมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เหมาะสม
ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือ ผู้ที่เป็นโรคอ้วน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมไทรอยด์ การรับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น จะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง จะทำให้เกิดโรคอ้วนได้ง่ายมาก

เมื่อน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เหมาะสม การผลิตและหมุนเวียนของฮอร์โมนเอสโตรเจน และระดับฮอร์โมนอินซูลินจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าฮอร์โมน 2 ชนิดนี้ มีส่วนกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเติบโตได้ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์มะเร็งครบวงจร UC Davis (UC Davis Comprehensive Cancer Center) กล่าวว่า ยิ่งคุณมีไขมันในร่างกายมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเชื่อมโยงกับโรคมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น แต่หากยิ่งคุณออกกำลังกายมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งออกห่างจากโรคมะเร็งมากขึ้นเท่านั้น

ไขความลับของการป้องกันมะเร็ง กระโดดแทรมโพลีน (Trampoline) ช่วยต้านมะเร็งได้!

นักวิจัยชี้ว่าสาเหตุของโรคมะเร็ง เกิดจากความไม่สมดุลของสภาพแวดล้อมภายในร่างกายอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการเติบโตอย่างผิดปกติของเซลล์ เพื่อการป้องกันโรคมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรมุ่งเน้นไปที่การควบคุมสภาวะที่อาจเป็นปัจจัยทำให้มะเร็งสามารถพัฒนาขึ้นได้ตั้งแต่แรก และเมื่อพูดถึงวิธีออกกำลังกายต้านมะเร็ง แทรมโพลีนก็เปรียบเสมือนอาวุธที่ทรงพลังในการต่อสู้กับมะเร็ง!
การกระโดดขึ้นๆ ลงๆ บนแทรมโพลีน ช่วยควบคุมการหลั่งสารเคมีในร่างกายของเรา ควบคุมระดับฮอร์โมนให้เกิดความสมดุล ซึ่งเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมภายในที่ดี ทำให้มะเร็งแทบไม่มีโอกาสก่อตัวขึ้นเพื่อยึดครองร่างกาย

1. กระโดดแทรมโพลีน วิธีเปิดต่อมน้ำเหลืองที่มีประสิทธิภาพสูงสุด!
การกระโดดขึ้นๆ ลงๆ บนแทรมโพลีน เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ซึ่งคนทุกวัยสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ในผู้สูงอายุ ระหว่างการกระโดดแทรมโพลีน การเด้งกลับจะส่งผลต่อระบบน้ำเหลืองของร่างกาย ในรูปแบบที่การออกกำลังกายชนิดอื่นไม่สามารถทำได้ เพราะแรงโน้มถ่วงเฉพาะตัวจากการกระโดดเกิดขึ้นเฉพาะจากอุปกรณ์แทรมโพลีนเท่านั้น

เมื่อกระโดดบนแทรมโพลีน คุณจะรู้สึกถึงภาวะไร้น้ำหนักเพียงชั่วครู่ และเมื่อเด้งกลับทุกครั้ง ผู้ใช้งานแทรมโพลีนจะรู้สึกตัวหนักขึ้นประมาณ 3 เท่า ความรู้สึกนี้มาจากการทำงานของระบบน้ำเหลืองของร่างกายที่กำลังถูกกระตุ้น ซึ่งระบบต่อมน้ำเหลืองนี้เอง ที่ทำหน้าที่เป็นระบบกำจัดของเสียหลักของร่างกาย การไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองที่ดี เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการสะสมสารพิษต่างๆ จนก่อให้เกิดมะเร็งในร่างกาย

ระบบน้ำเหลือง แตกต่างจากการไหลเวียนของเลือด ซึ่งมีหัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่ระบบน้ำเหลืองจะต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้ต่อมน้ำเหลืองไหลเวียนสู่อวัยวะหลายส่วน ซึ่งการกระโดดแทรมโพลีนเป็นการเคลื่อนไหวขึ้นลงในแนวตั้ง มีประสิทธิภาพในการสูบฉีดน้ำเหลืองขึ้นไปที่ต่อมน้ำเหลือง พร้อมทำการล้างสารพิษต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายได้อย่างล้ำลึก

ดร. มอร์ตัน วอล์กเกอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกากล่าวว่า การกระโดดบนแทรมโพลีน เป็นวิธีเปิดต่อมน้ำเหลือง และกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลืองที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะร่างกายของเราจะถูกบังคับให้เคลื่อนไหวทุกส่วนแบบไม่มีข้อแม้ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จะถูกกระตุ้นครบทั้งหมด ส่งผลให้ระบบน้ำเหลืองมีสุขภาพดี และสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น จึงเป็นสาเหตุที่ว่าคนที่ใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยเคลื่อนไหว ระบบน้ำเหลืองจะมีการทำงานต่ำ ส่งผลให้เกิดการสะสมของสารพิษทุกประเภทในร่างกาย

2. การกระโดดแทรมโพลีน ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
รู้หรือไม่ว่า เซลล์มะเร็งถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติจากกระบวนการเผาผลาญตามปกติในร่างกายของเราทุกวัน ระบบภูมิคุ้มกัน จึงเป็นด่านสำคัญด่านแรกในการต้านมะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายจะทำการค้นหาสิ่งแปลกปลอม และทำลายเซลล์มะเร็งเหล่านั้น คนป่วยเป็นโรคมะเร็งมีเนื้องอกขึ้นมาได้ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่สามารถจดจำและกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้ออกจากร่างกายได้

มีการพิสูจน์แล้วว่า การกระโดดบนแทรมโพลีนช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte Cells) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเอง ก็กำลังพัฒนาแนวทางการบำบัดมะเร็งที่นำไปประยุกต์ใช้กระบวนการภูมิคุ้มกันบำบัดนี้เช่นเดียวกัน

ลินดา บรูคส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและฝึกฝนรีบาวด์มานานกว่า 26 ปี กล่าวว่า การกระโดดแทรมโพลีน ช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวได้มากถึง 3 เท่า ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นผลจากการกระโดดแทรมโพลีนเหล่านี้ จะยังคงอยู่ในร่างกายระดับสูงนานเป็นเวลาถึง 1 ชั่วโมง หลังจากกระโดดเสร็จสิ้น

3. กระโดดแทรมโพลีนช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้ร่างกาย ต้านการเกิดมะเร็ง!
ดร. อ็อตโต วาร์เบิร์ก เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสรีรวิทยา ได้พิสูจน์แล้วว่าเซลล์มะเร็งไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนสูง ซึ่งการศึกษาวิจัยขององค์การ NASA แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การกระโดดบนแทรมโพลีน ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเซลล์ของร่างกายอย่างได้ผล ดังนั้นหากเราการกระโดดแทรมโพลีนอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เซลล์ในร่างกายก็จะได้รับออกซิเจนที่จำเป็นทุกวัน ช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการเกิดมะเร็งได้

หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการกระโดดแทรมโพลีน สามารถรักษาโรคมะเร็งได้หรือไม่? Chris Wark ผู้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 ในปี 2003 เขาตัดสินใจไม่ทำเคมีบำบัดและฉายรังสี หลังจากการผ่าตัด เขาเลือกกินเฉพาะอาหารประเภทผักและผลไม้ออร์แกนิกเท่านั้น และเลือกวิธีการออกกำลังกายด้วยแทรมโพลีน กระโดดแทรมโพลีน 3 ครั้งต่อวัน แบ่งเป็นครั้งละ 20 นาที จนถึงปัจจุบัน Chris Wark กล่าวว่าเขายังคงมีสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง มะเร็งไม่สามารถกลับมาทำอะไรเขาได้อีก แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าแทรมโพลีนเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาโรคมะเร็ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งต่างสนับสนุนแนวคิดที่ว่า การออกกำลังกายด้วยการกระโดดบนแทรมโพลีนนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงต่อสู้กับโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ และการกระโดดแทรมโพลีนก็ควรเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาหลังผ่าตัดมะเร็ง เพื่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้อย่างยั่งยืน

ไม่มีอุปกรณ์ใดช่วยฟื้นฟูสุขภาพได้ดีเท่าแทรมโพลีนอีกแล้ว!

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันมะเร็ง คือการทำให้ร่างกายต่อต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็งให้ได้มากที่สุด เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายทุกวันเป็นประจำสม่ำเสมอ ทั้ง 2 วิธีนี้ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงพฤติกรรมการใช้ชีวิต และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง

ไม่มีวิธีออกกำลังกายชนิดใด สามารถเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม พร้อมกับความสบายตัวในระหว่างออกกำลังได้ดีเท่ากับแทรมโพลีนอีกแล้ว ต่อให้คุณเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายเลย แต่แทรมโพลีนจะทำให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายของการเคลื่อนไหวร่างกายประจำวันได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกระโดดขึ้นๆ ลงๆ เพียงแค่ 10 นาทีต่อวัน เท่านั้น!

ใช่แล้ว การกระโดดบนแทรมโพลีนเป็นวิธีออกกำลังกายที่ง่ายมาก แถมยังมอบความสนุกสนาน เหมาะกับการออกกำลังกายสำหรับคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ และที่สำคัญ 'เวลา' จะไม่ใช่อุปสรรคของคุณอีกต่อไป เพราะแทรมโพลีนต้องการเวลาจากคุณเพียงแค่ 10 นาทีต่อวันเท่านั้น ประสิทธิภาพการออกกำลังกายด้วยแทรมโพลีน เทียบเท่ากับการวิ่งบนลู่วิ่งนานถึง 30-45 นาทีเลยทีเดียว!

หลังจากกระโดดแทรมโพลีน คุณจะสัมผัสถึงอารมณ์และระดับพลังงานในร่างกายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์กระปรี้กระเปร่า รู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ออกซิเจนสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ต่อมน้ำเหลืองเปิด กล้ามเนื้อทั้ง 638 ชิ้นถูกกระตุ้นไปพร้อมๆ กัน แล้วคุณจะเข้าใจทันที ว่าทำไมแทรมโพลีนจึงช่วยสลัดโรคร้ายอย่างมะเร็งออกจากชีวิตคุณได้!

โชคดีที่รู้เร็ว! โรคมะเร็งเลี่ยงได้ แค่หันมากระโดดแทรมโพลีนทุกวัน แบ่งปันอุปกรณ์มหัศจรรย์ชิ้นนี้ ถึงมือคนที่คุณรักและห่วงใย ช่วยดูแลพวกเขาให้อยู่ห่างไกลจากโรคร้าย ด้วยการมอบของขวัญปีใหม่ปีนี้ เป็นแทรมโพลีนจาก Smartplay Only ของขวัญชีวิตที่ดีที่สุด มีติดบ้านไว้แล้วจะสุขภาพดีทั้งครอบครัว ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไร้โรคภัย ได้คุณภาพชีวิตดีๆ กลับคืนมา

แทรมโพลีนจาก Smartplay Only คำตอบเดียวของคนที่กำลังมองหาแทรมโพลีนคุณภาพดีที่สุด แทรมโพลีนเกรดเยอรมัน คุณภาพอันดับ 1 แผ่นกระโดดไฮบาวซ์ (High Bounce) ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศนิวซีแลนด์ วัสดุอะไหล่สปริงและยางยืดคุณภาพระดับพรีเมียม นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ทำให้แทรมโพลีนจาก Smartplay Only กระโดดเด้งได้ดีที่สุด รองรับน้ำหนักได้ 5 เท่าของน้ำหนักตัว ลดการกระแทกได้อย่างเหนือชั้นยิ่งกว่าทุกแทรมโพลีนที่คุณเคยสัมผัสมาอย่างแน่นอน