เปิดโปงความจริง ทฤษฎีเซโรโทนินกับโรคซึมเศร้า ที่แพทย์อาจเข้าใจผิดมานาน

เปิดโปงความจริง ทฤษฎีเซโรโทนินกับโรคซึมเศร้า ที่แพทย์อาจเข้าใจผิดมานาน

 

การอักเสบในสมอง ตัวการซ่อนเร้นของโรคซึมเศร้า ที่คุณอาจไม่เคยรู้

งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Nature ปี 2022 ได้เปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าไปอย่างสิ้นเชิง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าทฤษฎีเดิมที่เชื่อว่าภาวะซึมเศร้าเกิดจากระดับเซโรโทนินต่ำ อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด

ทฤษฎีเดิม เซโรโทนินต่ำคือสาเหตุของโรคซึมเศร้า

ในอดีต แพทย์เชื่อว่าผู้ที่มีภาวะซึมเศร้ามีระดับเซโรโทนินต่ำ จึงมีการใช้ยา SSRI (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors) เพื่อเพิ่มระดับเซโรโทนินในสมอง อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการรักษานี้ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับกลไกที่แท้จริงของโรคซึมเศร้า

ทฤษฎีใหม่ การอักเสบในสมองคือสาเหตุหลักของโรคซึมเศร้า

งานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่าภาวะซึมเศร้าอาจเกิดจากการอักเสบในสมอง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ เช่น

  • ความเครียดเรื้อรัง
  • อาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • มลพิษทางอากาศ

เมื่อร่างกายเผชิญกับปัจจัยเหล่านี้ การอักเสบจะเกิดขึ้นในสมองและส่งผลต่อสารสื่อประสาท นำไปสู่อาการซึมเศร้า

ตัวอย่างของความเชื่อมโยงระหว่างการอักเสบกับภาวะซึมเศร้า ได้แก่

  • นักศึกษาแพทย์ที่อดนอนติดต่อกันหลายวัน มักมีอาการซึมเศร้า
  • คนที่รับประทานอาหารแปรรูปเป็นประจำ มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้น
  • ผู้ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบมักมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย

ทำไมยา SSRI ยังคงมีประสิทธิภาพในการรักษา

แม้ว่าทฤษฎีเซโรโทนินจะถูกตั้งคำถาม แต่งานวิจัยพบว่ายา SSRI มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ป่วยบางรายรู้สึกดีขึ้น คล้ายกับยาแก้ปวดที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย

แนวทางการรักษาใหม่ ลดการอักเสบเพื่อลดภาวะซึมเศร้า

เพื่อจัดการกับภาวะซึมเศร้าโดยอิงตามแนวคิดใหม่ วิธีที่มีประสิทธิภาพคือการลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสามารถทำได้โดย

  1. ปรับเปลี่ยนอาหาร
    • รับประทานอาหารที่มีสารต้านการอักเสบ เช่น ผัก ผลไม้ น้ำมันมะกอก และปลา
    • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และไขมันทรานส์
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • การออกกำลังกายช่วยลดระดับคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด และกระตุ้นการหลั่งสารสื่อประสาทที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
  3. ปรับปรุงคุณภาพการนอน
    • นอนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือก่อนนอน
  4. ดูแลสุขภาพลำไส้
    • ทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และผักดอง เพื่อช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
  5. จัดการความเครียด
    • ฝึกสมาธิและการหายใจลึก
    • ทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น การทำสวน วาดภาพ หรือฟังเพลง

ออกกำลังกายสม่ำเสมอกับทางเลือกใหม่ แทรมโพลีนบำบัด

การกระโดดแทรมโพลีนเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้าได้ โดยมีข้อดีดังต่อไปนี้

  1. กระตุ้นการผลิตสารแห่งความสุข
    • เพิ่มการหลั่งเอนดอร์ฟินและโดปามีน ซึ่งช่วยปรับอารมณ์
    • ลดระดับคอร์ติซอล ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
  2. เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในสมอง
    • การออกกำลังกายที่เป็นจังหวะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น
  3. ช่วยพัฒนาระบบประสาท
    • การเคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะช่วยปรับสมดุลของสมองซีกซ้ายและขวา
    • ส่งเสริมสมาธิและการโฟกัส
  4. ส่งเสริมระบบน้ำเหลือง
    • กระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง ช่วยกำจัดสารพิษและลดการอักเสบในร่างกาย

วิธีใช้แทรมโพลีนบำบัด

  • เริ่มต้นด้วยการกระโดดเบาๆ เป็นเวลา 10-15 นาที
  • หายใจลึกๆ ขณะกระโดด เพื่อช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย
  • ทำเป็นประจำอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

การวิจัยใหม่ได้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสาเหตุของโรคซึมเศร้า โดยเน้นไปที่บทบาทของการอักเสบในสมองมากกว่าระดับเซโรโทนิน แนวทางการรักษาที่ได้ผลมากขึ้นจึงเน้นไปที่การลดการอักเสบผ่านโภชนาการ การออกกำลังกาย การนอนหลับที่ดี และการจัดการความเครียด
นอกจากนี้ การออกกำลังกายโดยใช้แทรมโพลีนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประโยชน์ในการกระตุ้นสมองและลดอาการซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 


 

 

รุ่นใหญ่วางนอกบ้าน
แนะนำรุ่นเล็กวางในบ้าน เพิ่มความสูง


 

 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อ แทรมโพลีน Trampoline เครื่องออกกำลังกายในบ้าน จาก Smartplay Only

Tel: 092-742-7447 | Email: info4rjw@gmail.com
Line Official: @SmartPlayOnly | Facebook: JumpSmartPlayOnly